
โครงการเนเปียร์ พืชพลังงานเพื่อชุมชน (การดำเนินงานต่อเนื่อง)
ความเป็นมาของโครงการ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน กลุ่มบริษัทศรีตรัง จึงได้นำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ประโยชน์ โดยนำน้ำดังกล่าวมาใช้ในการรดน้ำพื้นที่ปลูกหญ้าในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งช่วยลดปริมาณน้ำในบ่อบำบัด และเตรียมความพร้อมในการรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนและฤดูยาง
บริษัทฯ ได้ใช้พื้นที่ว่างภายในโรงงานให้เกิดประโยชน์ ด้วยการริเริ่มโครงการปลูกหญ้าเนเปียร์หลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปากช่อง 1 พันธุ์หญ้าหวานอิสราเอล และพันธุ์เนเปียร์แคระ พร้อมทั้งนำตะกอนส่วนเกินจากระบบบำบัดน้ำเสียมาใช้เป็นวัสดุปรับปรุงดิน เพื่อเสริมการเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการนี้เป็นแนวทางในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเปิดโอกาสในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนโดยรอบ
การดำเนินโครงการร่วมกับชุมชน
บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) สาขากาฬสินธุ์ ได้ร่วมมือกับตัวแทนชุมชนที่ตั้งอยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากโรงงาน ได้แก่ ชุมชนบ้านคำเม็ก ชุมชนบ้านโนนทอง ชุมชนบ้านหนองไผ่ และชุมชนบ้านโคกกว้าง ในการดำเนินโครงการ “เนเปียร์: พืชพลังงานเพื่อชุมชน” โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนหญ้าเนเปียร์ให้แก่ชุมชน เพื่อนำไปใช้เป็นอาหารสำหรับโคและกระบือ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรในท้องถิ่นให้มีความยั่งยืน ลดต้นทุนด้านอาหารสัตว์ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้
การดำเนินโครงการประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ดังนี้:
- การคัดเลือกพื้นที่เป้าหมาย/รับสมัครสมาชิก โดยร่วมมือกับผู้นำชุมชนและเกษตรกรในแต่ละพื้นที่
- การจัดเตรียมพันธุ์หญ้าเนเปียร์ โดยบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนพันธุ์หญ้าคุณภาพดี
- การอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการปลูก การดูแลรักษา และการเก็บเกี่ยวหญ้าเนเปียร์อย่างเหมาะสม
- การติดตามผลและให้คำปรึกษา อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากพืชพลังงานนี้ได้อย่างเต็มที่
โครงการนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มแหล่งอาหารสัตว์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่แล้ว ยังเป็นการใช้ทรัพยากรของโรงงานให้เกิดประโยชน์ร่วมกับชุมชน สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่บริษัทฯ ยึดถือมาโดยตลอด
1) โรงงานปลูกหญ้าเนเปียร์แบบวางร่องบนพื้นที่จำนวน 25 ไร่ โดยจัดแบ่งร่องให้ชาวบ้าน จำนวน 2 ร่องต่อคน ตามใบลงทะเบียน
2) ชุมชนที่ขึ้นทะเบียน ดำเนินการดูแลหญ้าเนเปียร์ของตัวเอง โดยโรงงานทำการส่งน้ำให้ตามกำหนด
3) โรงงานสุ่มตรวจคุณค่าทางสารอาหารของหญ้าเนเปียร์ ซึ่งการประเมินคุณค่าของอาหารหยาบที่ใช้กับสัตว์เคี้ยวเอื้อง จะนิยมใช้ค่า NDF (Neutral Detergent Fiber) และ ADF (Acid Detergent Fiber) ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนในการนำไปเลี้ยงสัตว์
ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างหญ้าเนเปียร์จำนวน 2 ตัวอย่าง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนามาตรฐานอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้อง จังหวัดขอนแก่น ดังแสดงในตาราง พบว่า มีเยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกลาง (%NDF) มากกว่า 50% แสดงว่า ตัวอย่างหญ้าเนเปียร์สัดส่วนสารอาหารคาร์โบไฮเดรทที่สัตว์สามารถย่อยในกระเพาะได้มากขึ้น และ มีเยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกรด (%ADF) ไม่สูงมาก แสดงว่าพืชอาหารสัตว์มีการย่อยได้สูง ดังนั้นสรุปได้ว่า หญ้าเนเปียร์ของโรงงานมีสารอาหารอยู่ในระดับกลาง (จำพวกเส้นใย) แต่ยังไม่สูงมาก
ชนิดตัวอย่าง | %วัตถุแห้ง (on dry matter) | |
---|---|---|
%NDF | %ADF | |
หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อน อายุ 30 วัน | 54.6 | 28.9 |
หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 อายุ 30 วัน | 62.5 | 39.2 |
4) โรงงานเปิดพื้นที่ปลูกหญ้าเนเปียร์ตามวันเวลาที่กำหนด (สัปดาห์ละ 3 ครั้ง วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์) เพื่อให้ชาวบ้านเก็บเกี่ยวหญ้าเนเปียร์ โดยจะมีการบันทึกปริมาณและสรุปในระบบ
ผลลัพธ์ของโครงการฯ ต่อชุมชน ปี 2567
- มีตัวแทนชุมชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการฯ จำนวน 120 คน
- บริษัทฯ สนับสนุนหญ้าเนเปียร์ทั้งหมด 198,549 กิโลกรัม ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้กับชุมชนในการซื้อหญ้าเนเปียร์อาหารสัตว์ คิดเป็น 794,196 บาท
(อ้างอิงราคาหญ้าเนเปียร์ จากแปลงหญ้า จ.กาฬสินธุ์ กิโลกรัมละ 4 บาท)
ผลลัพธ์ของโครงการฯ ต่อบริษัทฯ ปี 2567
- นำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วปริมาณ 1,071 ลูกบาศก์เมตร ออกจากบ่อน้ำเพื่อเตรียมรับน้ำในฤดูฝน
- ลดการกำจัดตะกอนส่วนเกินจากระบบบำบัดน้ำเสียปริมาณ 477 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นปริมาณ 166.95 ตัน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการกำจัด 667,800 บาท
(อ้างอิงราคาค่าบริการกำจัดของเสียอุตสาหกรรม-กากตะกอน จำนวน 4,000 บาท/ตัน ทั้งนี้ไม่นับรวมค่าขนส่ง) - ต้นหญ้าเนเปียร์ ที่มีอายุได้ 60-90 วันขึ้นไป มีความสูงประมาณ 2.50-3.00 เมตร สามารถเป็นแนวกันลมช่วยลดความเข้มข้นของกลิ่นจากโรงงานได้
- สร้างทัศนคติเชิงบวกที่มีต่อน้ำเสียของโรงงานเปลี่ยนไป ชาวบ้านมีความมั่นใจกับน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดของโรงงาน
การติดตามประเมินผลโครงการ
บริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตามและประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2567 ได้มีการลงพื้นที่ติดตามและดูแลเกษตรกร รวมถึงได้จัดทำแบบสอบถามออนไลน์เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อโครงการ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการในระดับ "มาก" ถึง "มากที่สุด" คิดเป็นร้อยละ 93 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
รายละเอียดของผลการสำรวจแสดงไว้ในกราฟประกอบ