การพัฒนาความยั่งยืน

การพัฒนาความยั่งยืน

 

สารจากประธานกรรมการ

กว่า 34 ปี ของกลุ่มศรีตรังที่อยู่ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติ

เราผ่านประสบการณ์ทั้งขาขึ้นและขาลงของอุตสาหกรรมมาอย่างมากมาย ประสบการณ์เหล่านั้นสอนให้เราเรียนรู้ที่จะเป็นคนที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์รอบตัวต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งปี 2564 เป็นอีกปีหนึ่งที่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังเกิดการระบาดระลอกใหม่ๆ ขึ้นตลอดทั้งปี รวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พร้อมจะ Disrupt การทำงาน เปลี่ยนแปลงสังคมและโลกที่เราอยู่ได้ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ดีในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้น STA ได้สร้างสถิติใหม่ของรายได้จากการขายที่ 118,275 ล้านบาท และสามารถสร้างประวัติศาสตร์กำไรสุทธิได้สูงถึง 15,847 ล้านบาท แต่เราจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เราตระหนักดีว่าโลกหมุนเร็วเพียงใด เราจึงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความเร็ว (Speed) ขนาด (Scale) และความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกๆ ก้าวที่เราเดินเสมอ

Speed

ในโลกยุคปัจจุบันที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว Speed จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ชาวศรีตรังทุกคนให้ความสำคัญและปลูกฝังเป็นวัฒนธรรมการทำงาน (Work Culture) ไม่ว่าจะเป็น Speed ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตอยู่ตลอดเวลา Speed จากการขยายกำลังการผลิตให้ก้าวล้ำคู่แข่ง Speed ในการบุกและขยายส่วนแบ่งทางการตลาดด้วย DNA ความเป็นนักสู้ของชาวศรีตรัง และ Speed ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อสนองและส่งเสริมการดำเนินงานของธุรกิจหลักของเรา

Scale

หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนขยายกำลังการผลิตต่างๆ ของกลุ่มศรีตรัง คือ Scale เราตระหนักดีว่าการจะเป็นบริษัทที่แข่งขันได้บนเวทีโลก ณ ปัจจุบัน เราจำเป็นต้องมี Scale ที่ใหญ่เพียงพอ เราจึงขยายกำลังการผลิตตามยุทธศาสตร์ของกลุ่มศรีตรัง ตลอดจนเพื่อสร้างการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ให้เกิดขึ้นไปพร้อมกัน

ในธุรกิจยางธรรมชาติ เรามีกำลังการผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ร้อยละ 10 ของการบริโภคยางธรรมชาติทั่วโลก และมีส่วนแบ่งกว่าร้อยละ 32 ของการผลิตยางธรรมชาติในไทย ตลอดจนธุรกิจถุงมือยาง เรามีกำลังการผลิตใหญ่เป็นอันดับ 3 และใหญ่เป็นอันดับ 1 ของไทย และด้วย Scale ที่มีนัยยะสำคัญนี้ จะทำให้ศรีตรังเป็นบริษัท ที่น่าจับตามอง และแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างภาคภูมิ

Sustainability

ความยั่งยืน คือ หัวใจสำคัญในการแข่งขันในธุรกิจ เราได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้าน ESG มาอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมาย ‘องค์กรแห่งยางสีเขียว’ โดยในด้านสิ่งแวดล้อม เราได้ดำเนินหลายโครงการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด อาทิ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Roof) และแบบลอยน้ำ (Solar Floating) ซึ่งจะให้พลังงานราว 2 เมกะวัตต์ ทั้งในโรงงานยางแท่งและโรงงานถุงมือยาง ด้านสังคม เราได้เน้นการพัฒนา ‘คน’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนธุรกิจให้เท่าทันต่อความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้ง เรายังให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงานศรีตรังทุกคน ให้มีสุขภาพที่แข็งแรงตามพันธกิจของบริษัทฯ ที่ว่า ‘Stay Safe and Healthy ขอให้ทุกท่านรักษาตัว และมีสุขภาพที่ดี’ โดยเราได้จัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทีมงานศรีตรัง ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้เติบโตและก้าวหน้าต่อไป นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทศรีตรังได้บริจาคถุงมือยางทางการแพทย์ทั้งสิ้นกว่า 4,200,000 ชิ้น ภายใต้โครงการ ‘กลุ่มศรีตรัง แบ่งปันรักให้ชุมชนปี 2’ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขอีกด้วย และในด้านธรรมาภิบาล เราเป็นบริษัทฯ ที่ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส โดยได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การรับรองเข้าเป็นแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย (CAC) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ตลอดจนรางวัลการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) รวมถึงการได้คัดเลือกให้เป็นหุ้นในดัชนีความยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SETTHSI)

กลุ่มศรีตรังมุ่งหวังว่าการดำเนินการและความตั้งใจของเรา จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมยางธรรมชาติของไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และผมขอขอบคุณท่านกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ผู้ถือหุ้น และพันธมิตรทางธุรกิจทุกท่านที่ได้ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนกลุ่มศรีตรังด้วยดีเสมอมา ซึ่งปี 2564 ถือเป็นปีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของกลุ่มศรีตรัง และขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่ากลุ่มศรีตรัง เรายังคงวางเป้าหมายในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สารจากกรรมการผู้จัดการใหญ่

การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เป็นวิถีความยั่งยืนที่ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด เพื่อสร้างสมดุลระหว่างมูลค่าทางธุรกิจและคุณค่าต่อผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนพัฒนาธุรกิจยางพาราให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทยางสีเขียว ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงานด้านความยั่งยืน “4 GREEN” ซึ่งประกอบด้วย 1) ผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Products) 2) กระบวนการผลิตสีเขียว (Green Process) 3) การสรรหาวัตถุดิบสีเขียว (Green Procurement ) และ 4) บริษัทสีเขียว (Green Company) ทั้งนี้ประเด็นความยั่งยืนได้ถูกบูรณาการเข้ากับทุกกระบวนการดำเนินงานของบริษัทฯ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยบริษัทฯ มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่สำคัญในปี 2564 ดังนี้

มิติสิ่งแวดล้อม (Environmental dimension)

มุ่งสู่การเป็นบริษัทยางพาราคาร์บอนต่ำ (Pursuing Low-Carbon Company)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่น กระทบต่อผลผลิตน้ำยางซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก หรือการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้บริหารจัดการเชิงรุกโดยตั้งเป้าหมายการเป็น บริษัทยางพาราคาร์บอนต่ำ (low carbon company) มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ผ่านโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน เช่นพลังงานแสงอาทิตย์ และการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในการผลิตพลังงานความร้อน มากกว่า ร้อยละ 90 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มประเมินโครงการกักเก็บคาร์บอนจากสวนยางพาราและไม้ยืนต้น ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำของบริษัทฯ เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ

บริหารจัดการทรัพยากรและของเสียตามโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Economy Model)

นอกจากการบริหารจัดการทรัพยากรและของเสียจากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ ตามหลัก 3Rs (Reduce, Reuse & Recycle) บริษัทฯ ยังได้ดำเนินโครงการต่างๆ ตามโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Economy Model ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาช่วยสร้างมูลค่าและบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและลดผลกระทบจากการกำจัด เช่น โครงการ S-Brick ที่นำขี้เถ้าจากหม้อไอน้ำมาผลิตเป็นอิฐสำหรับปูพื้น หรือโครงการดินดีมีประโยชน์ที่นำตะกอนดินจากกระบวนการล้างยางก้อนถ้วย มาผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้กับเกษตรกร เป็นต้น

มิติสังคม (Social dimension)

การดูแลพนักงานเหมือนสมาชิกในครอบครัว

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานทุกคนเหมือนสมาชิกในครอบครัว ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด 19 บริษัทฯ ได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับพนักงานทุกคนครบ 3 เข็ม รวมถึงครอบครัวของพนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียรอบๆ โรงงาน รวมถึงการตรวจติดตามด้านสุขภาพของพนักงานอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลพนักงานให้มีความปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำแนวคิดองค์กรแห่งความสุขสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน (Happy Workplace) มาจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสุขและดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าคะแนนความผาสุกและความผูกพันของพนักงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เคารพหลักสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจ

การเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากลเป็นหลักสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านการใช้แรงงานบังคับและแรงงานทาสทุกรูปแบบในห่วงโซ่ธุรกิจ โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับปรุงนโยบายสิทธิมนุษยชนและการไม่เลือกปฏิบัติ ให้ครอบคลุมแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนสากลมากขึ้น และบริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านในกระบวนการทางธุรกิจของกลุ่มพนักงานและชุมชนโดยรอบโรงงาน ตลอดจนจัดทำมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลชุมชนและสังคม

บริษัทฯ มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพชุมชนที่โรงงานตั้งอยู่ เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ดีและสร้างความเข็มแข็งให้กับชุมชน โดยสนับสนุนการซื้อสินค้าและจ้างงานคนในชุมชน รวมไปถึงดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการ “บรรทุกยาง ติดราง สร้างรอยยิ้ม” ที่รณรงค์ให้คู่ค้าเกษตรกรสวนยางและผู้ส่งมอบวัตถุดิบ ขนส่งยางพาราด้วยรถที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดของบริษัทฯ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเซรั่มจากยางก้อนถ้วยซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุเดือนร้อนรำคาญรั่วไหลลงบนถนน ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 6 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชนโดยการสร้างมูลค่าจากวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว เช่น การทำเฟอร์นิเจอร์จากไม้พาเลท เป็นต้น

มิติการกำกับดูแลและเศรษฐกิจ (Governance and economic dimension)

การสร้างความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน

บริษัทฯ ได้กำหนดจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่เป็นมาตรฐานสำหรับคู่ค้า และส่งเสริมให้คู่ค้าดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมไปในแนวทางเดียวกับหลักการของบริษัทฯ รวมถึงการกำหนดขั้นตอนการคัดเลือกและประเมินคู่ค้าที่ครอบคลุมประเด็นในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดผลกระทบของการดำเนินธุรกิจที่เกิดจากการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาแอปพลิเคชันศรีตรังเพื่อนชาวสวน (SRI TRANG FRIENDS App) เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้ส่งมอบวัตถุดิบทุกรายอย่างเป็นธรรม ให้ผู้ส่งมอบวัตถุดิบทุกรายสามารถเข้าถึงระบบการซื้อขายยางอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม แอปพลิเคชันนี้ยังเปลี่ยนแปลงระบบการซื้อขายยางแบบเดิม โดยสามารถใช้บริการต่างๆ ได้บนมือถือ อาทิเช่น การขายน้ำยางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่น ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อัพเดทข่าวสารและความรู้ของวงการยางพารา พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านยางพารา เป็นต้น

พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน

บริษัทฯ ได้จัดตั้งทีมงานวิจัยและพัฒนา เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานคิดค้นองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เกิดเป็นวัฒนธรรมในการสร้างนวัตกรรมองค์กร ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เน้นเรื่องการพัฒนานาองค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพของกระบวนการผลิต ควบคู่ไปกับการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ทั้งโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตที่ใช้ระบบ automation และหุ่นยนต์ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต การจัดการระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อไม่ให้มีการปล่อยน้ำออกนอกโรงงานและสามารถนำน้ำกลับใช้ใหม่ ระบบ Bio-filter ในการบำบัดกลิ่นจากการอบยาง และการพัฒนาน้ำยางข้นปราศจากโปรตีนที่ก่อให้เกิดการแพ้

มุ่งสร้างความเชื่อมั่นด้าน ESG

จากที่บริษัทฯ ได้บูรณาการการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และได้ปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด ทำให้เรื่องความยั่งยืนได้กลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กร และเป็นภูมิคุ้มกันที่ช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นใหม่ สำหรับปีต่อไปบริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มผ่านการดำเนินงาน 3 เสาหลักคือ 1) การเปรียบเทียบและสร้างมาตรฐานแนวปฏิบัติที่ดีด้านความยั่งยืน (Benchmarking & Standardization) 2) การลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) จากการดำเนินธุรกิจ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) และเป้าหมายของปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero emissions) ของโลกและของประเทศไทย และ 3) การสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดี (Collaboration & Reputation) กับผู้มีส่วนได้เสีย ด้วยการดำเนินงานเหล่านี้ บริษัทฯ มุ่งยกระดับการดำเนินงานความยั่งยืนขององค์กรสู่ระดับสากล ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “เราเป็นองค์กรแห่งความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการขับเคลื่อนทุกความเป็นไปได้”

 

ช่องทางการร้องเรียน

กลุ่มบริษัทศรีตรัง มีความมุ่งมั่นในการดำรงไว้ซึ่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และสามารถตรวจสอบได้ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคาดหวังให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มสามารถรายงานถึงเหตุการณ์ที่อาจขัดต่อหลักการดังกล่าว เพื่อให้มีการดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป

ติดต่อเรา

บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (สำนักงานใหญ่)
 

เลขที่ 10 ซอย 10 ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 ประเทศไทย

 

+66-7434-4663 (Automatic 14 Lines)

 

+66-7434-4676, +66-7434-4677, +66-7423-7423