สารจาก

ประธานกรรมการ

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 37 ของกลุ่มบริษัทศรีตรัง เรายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนา และขยายการประกอบธุรกิจยางพาราที่ครบวงจรอย่างต่อเนื่องด้วย วิสัยทัศน์ "The Green Rubber Company" หรือ องค์กรแห่งยางสีเขียว การเป็นผู้ประกอบธุรกิจยางพาราครบวงจร บนรากฐานของความโปร่งใส ผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและสังคม ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ

ความสำเร็จในปี 2567 “Sustainable Intelligence"

ปี 2567 ถือเป็นอีกก้าวสําคัญของกลุ่มบริษัทศรีตรังที่สะท้อนให้เห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติ ส่งผลเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างชัดเจน โดยบริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวม 114,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.8 และมีกำไรสุทธิ 1,670 ล้านบาทซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา รวมถึงปริมาณการขายยางธรรมชาติอยู่ที่ 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 จากปีก่อน และปริมาณการขายถุงมือยางสามารถสร้างสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 38,549 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 และในปีนี้บริษัทฯ ได้จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่ไอวอรี่โคสต์สำเร็จแล้วถือเป็นอีกก้าวสําคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตระดับโลก รองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯ ยังสามารถจำหน่ายและส่งมอบยาง EUDR ที่สอดคล้องกับกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EU Deforestation- Free Products Regulation: EUDR) ของสหภาพยุโรปได้สำเร็จในปีนี้ ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ให้ความสําคัญกับความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน

จากโครงสร้างและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในด้านการกำกับดูแลกิจการ การจัดการสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้ในปีนี้บริษัทฯ มีพัฒนาการที่โดดเด่นในหลายด้าน ทั้งการได้รับรางวัล และได้เข้าร่วมการประเมินเพื่อจัดอันดับด้านความยั่งยืนมากมาย ครอบคลุม 3 มิติ ได้แก่ บรรษัทภิบาล สิ่งแวดล้อม และ สังคม ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล อาทิเช่น

ในระดับสากล

  • บริษัทฯ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประเมินการดำเนินงานด้านความยั่งยืนกับสถาบัน S&P Global ในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ (Auto Components) ซึ่งประเมินด้วย 24 ตัวชี้วัด ที่ 56 คะแนน
  • การได้รับ EcoVadis :Sustainability Rating ระดับ "เหรียญ ทอง (Gold)"
  • ได้รับการยกย่องว่าเป็นองค์กรที่มีผลการดำเนินงานที่ก้าวกระโดด จากการประเมิน SPOTT (Sustainability Policy Transparency Toolkit) ซึ่งเป็นกรอบแนวทางการประเมินข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร นโยบายและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล ที่พัฒนาขึ้นโดย ZSL (Zoological Society of London) จากผลการประเมินที่ได้ เท่ากับ 53.1% เป็นต้น

ในระดับประเทศ

  • บริษัทฯ ได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ประจําปี 2567 ในระดับสูงสุด AAA ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
  • รางวัล SET Awards 2024 ในกลุ่มรางวัลสาขา Sustainability Excellence (su Highly Commended Sustainability Awards) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • การได้รับรางวัล CAC Change Agent Award 2024 จากแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption : CAC) ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นการตอกย้ำการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ อยู่บนหลักธรรมาภิบาลที่ดีและช่วยสร้างเครือข่ายธุรกิจที่โปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน
  • การเป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก ปี 2567 ระดับ 'ดีเด่น' หรือ Climate Action Leading Organization: CALO จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นต้น
ดร.ไวยวุฒิ สินเจริญกุล
ประธานกรรมการ

สารจากกรรมการ

ผู้จัดการใหญ่

ผู้นำองค์กรแห่งยางสีเขียว

บริษัทฯ กำหนดเป้าหมาย ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว 3 เป้าหมายหลัก ซึ่งจะนํำไปสู่การวางแผนการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม ดังนี้

  • ค่าเนินการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ ให้ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564 ภายในปี 2569
  • การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573
  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยใช้ปี 2567 เป็นปีฐาน

โดยใช้กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ 3 ด้าน ได้แก่

  1. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพลังงานหมุนเวียน
  2. เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Technologies) เช่น การติดตั้งระบบการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  3. การดูดกลับหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจก จากการทําสวนยาง ไม้เศรษฐกิจ และการปลูกป่า โดยบริษัทฯ ศรีตรังรับเบอร์แอนด์ แพลนเทชั่น ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ําของกลุ่มบริษัทได้ดําเนินการขึ้นทะเบียนการกักเก็บและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสวนยางพาราและสวนสัก ในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทยแบบมาตรฐาน (Standard T-VER) กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ("อบก") นอกจากสามารถนำคาร์บอนเครดิตจากโครงการดังกล่าวมาชดเชย (Offset) กับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ จากการขายคาร์บอนเครดิตของบริษัทฯ

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการติดตั้ง Solar Floating ของโรงงานสาขา ทุ่งสง สิเกา และ อุดรธานี รวมจํานวน 5.72 เมกะวัตต์ และสาขา เลย สระแก้ว บุรีรัมย์ บึงกาฬ รวมจํานวน 13.46 เมกะวัตต์ ทำให้สามารถ ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในการผลิตได้ประมาณ 8,533,219.75 กิโลวัตต์ต่อปี คาดว่าจะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4,256.76 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และบริษัทฯ ยังสามารถบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงได้ร้อยละ 12.06 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564

นอกจากผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: Al) ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดตั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลและพัฒนางานด้าน AI ตั้งแต่ปี 2566 และเดินหน้าพัฒนาความรู้ทั่วทั้งองค์กร พร้อมต่อยอดการใช้งานในระดับปฏิบัติการ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในทุกกระบวนการทํางานขององค์กร

ปี 2568: TRACEABILITY-การตรวจสอบย้อนกลับ

ปี 2568 จะเป็นปีที่กลุ่มบริษัทศรีตรังพร้อมก้าวเข้าสู่การเริ่มต้นบทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลกควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน เรามุ่งเน้นการนำศักยภาพและทรัพยากรที่ได้สร้างไว้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สร้างความโปร่งใส และความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานผ่านระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ในการขับเคลื่อนองค์กรและยกระดับธุรกิจ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

One Sri Trang สู่อนาคตที่ยั่งยืน

ศรีตรังในวันนี้เปรียบเสมือนการรวมพลังของคนสองรุ่น คือ ผู้บุกเบิกที่วางรากฐานอย่างมั่นคง และคนรุ่นใหม่ที่น่าความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมมาผสมผสาน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ (Game Changer) ที่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่อย่างมีวิสัยทัศน์

ทุกความสำเร็จของเราในวันนี้มาจากการสนับสนุนและความร่วมมือของพนักงาน คู่ค้า ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ กลุ่มบริษัทศรีตรังจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้กรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อันจะนำไปสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ขอบคุณครับ

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล
กรรมการผู้จัดการใหญ่

การบริหารด้านความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน

กลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางความยั่งยืน
“4 GREEN”
สำหรับการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนระดับ องค์กรในการเป็นองค์กรแห่งยางสีเขียว (Green Rubber Company) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)
รายละเอียดเพิ่มเติม
info-strategy

Tax Report

Tax Report 2024

Download