การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
สิทธิมนุษยชนเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญ ในการบริหารจัดการความยั่งยืนทางด้านสังคม หมายถึงการให้ความเคารพและปกป้องสิทธิของทุกคนในกระบวนการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิของพนักงาน, ลูกค้า, ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย, หรือชุมชนในพื้นที่ที่ธุรกิจดำเนินการ การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านจึงเป็นกระบวนการที่ใช้ในการประเมินและจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น หรืออาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ครอบคลุม ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง การตรวจสอบนี้มุ่งเน้นการป้องกันและการแก้ไขเพื่อลดผลกระทบ ตามแนวทางหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ( United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights - UNGPs ) ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ “ปกป้อง เคารพ เยียวยา”
กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD)
บริษัทฯ ดำเนินการจัดทำกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้ทราบถึงสถานะของการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า อันจะทำให้สามารถระบุ ป้องกัน บรรเทา และจัดการกับผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นในการดำเนินงานของธุรกิจได้ อ้างอิงตามหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) และแนวทางการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านสำหรับบริษัทจดทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ก.ล.ต. เพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ซึ่งกำหนดการดำเนินการเป็นประจำทุกๆ 2 ปี โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. การกำหนดขอบเขตการตรวจสอบ
บริษัทฯ ได้กำหนดขอบเขตกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านให้ชัดเจน ครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง (Vulnerable Group) เช่น เด็ก ผู้พิการ สตรี ชนกลุ่มน้อย ผู้อพยพ แรงงานที่ว่าจ้างผ่านบุคคลที่สาม ชนพื้นเมือง ชุมชนท้องถิ่น เพศทางเลือก ผู้สูงอายุและสตรีตั้งครรภ์ เป็นต้น ในทุกๆ พื้นที่ปฏิบัติการที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหรือมีสิทธิในการควบคุมจัดการ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน โดยพิจารณาประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สิทธิแรงงาน สิทธิชุมชนและชนกลุ่มน้อย สิทธิในห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และสิทธิของลูกค้าและผู้บริโภค เป็นต้น
2. การระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ ได้ทบทวนประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ทั้งกิจกรรมทางตรงที่บริษัทฯ ดำเนินการเอง และทางอ้อมผ่านการดำเนินการของคู่ค้า ผู้รับเหมา หรือบริษัทร่วมค้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงทบทวนแนวโน้มประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันในตลาดโลก แล้วนำมาจัดเป็นกลุ่มหัวข้อที่ใกล้เคียงกันเพื่อจัดทำและปรับปรุงรายการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Risk Assessment) และมอบหมายให้ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมระบุและประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน
ขอบเขตประเด็นการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ
| สิทธิแรงงาน | สิทธิชุมชนท้องถิ่นชุมชนพื้นเมือง | ห่วงโซ่อุปทาน | สิทธิความมั่นคงความปลอดภัย | สิทธิสิ่งแวดล้อม | สิทธิของลูกค้าและผู้บริโภค |
|---|---|---|---|---|---|
|
|
|
|
|
|
3. การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ นำประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่ระบุในรายการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน มาเป็นเครื่องมือในการประเมินความเสี่ยง โดยการใช้ Risk Matrix เป็นเครื่องมือประเมินความเสี่ยงซึ่งพิจารณาระดับความเสี่ยงของผลกระทบและเกณฑ์ระดับโอกาสที่จะเกิดขึ้น ของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในแต่ละประเด็น

| Residual Risk Rating (ระดับความเสี่ยงที่เหลืออยู่) | Existing Control Assessment (การประเมินคุณภาพของมาตรการควบคุมที่ใช้อยู่) | Control, Monitoring, and Mitigation Plan (การวางแผนปฏิบัติการควบคุม, ติดตามความเสี่ยง, และแผนจัดการความเสี่ยง) |
|---|---|---|
| สูงสุด |
|
|
| สูง |
|
|
| ปานกลาง |
|
|
| ต่ำ |
|
|
เกณฑ์ระดับความเสี่ยง
การพิจารณาระดับความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับความเสี่ยงต่ำ ปานกลาง สูง และสูงมาก
เกณฑ์การประเมินโอกาสเกิด (Likelihood)
การประเมินโอกาสเกิด เป็นเกณฑ์ที่ใช้ควบคู่กับการจัดระดับความเสี่ยง เพื่อให้ผู้ประเมินใช้ในการตัดสินใจประเมิน โดยเกณฑ์การประเมินโอกาสเกิด จะแบ่งเป็นระดับ ดังนี้ โอกาสเกิดต่ำ กลาง สูง และสูงสุด
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการประเมินความเสี่ยงในรายการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ซึ่งครอบคลุมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ คิดเป็นร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติการ
โดยผลจากการดำเนินการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ พบว่ามีประเด็นความเสี่ยง 1 ประเด็น ดังนี้
ความเสี่ยงด้านสิทธิสิ่งแวดล้อม
พบความเสี่ยงในหัวข้อการบริหารจัดการมลพิษจากการดำเนินงานที่อาจจะส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนโดยรอบโรงงาน ซึ่งจากผลการประเมินพบว่ามีความเสี่ยงในระดับปานกลาง
4. การกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบและป้องกัน
บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลดและควบคุมผลกระทบเชิงลบให้อยู่ในระดับต่ำหรืออยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดเตรียมมาตรการป้องกันและมาตรการเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
| ประเด็นความเสี่ยง | ลักษณะความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น | มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ |
|---|---|---|
|
|
|
5. การติดตามและทบทวนผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ กำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามและทบทวนมาตรการลดและควบคุมผลกระทบเชิงลบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในทุกประเด็น ที่ได้ดำเนินการแล้ว เช่น จำนวนข้อร้องเรียนที่ได้รับและสถานการณ์แก้ไข เป็นต้น โดยมีการเสนอให้กับฝ่ายบริหารพิจารณาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนแต่ละประเด็นได้ถูกแก้ไขและป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เนื่องจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอาจมีการเปลี่ยนแปลงไป ตามการเปลี่ยนแปลงของกิจกรรมทางธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย ดังนั้นบริษัทฯ จะดำเนินการทบทวนการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การระบุและประเมินความความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนมาตรการบรรเทาและป้องกันผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงจัดให้มีช่องทางรับข้อร้องเรียนสำหรับพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียในกรณีที่มีเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัท เพื่อนำมาทบทวนปรับปรุงแก้ไข และสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอยู่เสมอ
6. การแก้ไขและเยียวยา
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างเคารพต่อสิทธิมนุษยชน จึงได้กำหนดให้มีแนวทางการแก้ไขและมีมาตรการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับผู้ที่อาจจะได้รับผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ รวมถึงดำเนินการสรุปบทเรียนเพื่อจัดทำมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำ โดยมีการพิจารณาตามลำดับขั้นตอนการดำเนินงานจากฝ่ายบริหารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นไปตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้
คณะกรรมการสวัสดิการ
แม้ว่าปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่มีการจัดตั้งสหภาพแรงงาน แต่บริษัทฯ ก็ไม่ได้ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น หรือความต้องการของพนักงาน บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ ซึ่งมีฐานะเป็นกลไกอิสระ เพื่อเป็นการส่งเสริมและเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีการหารือกับบริษัทฯ มีหน้าที่บริหารจัดการข้อกังวลของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการของพนักงานด้านต่างๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการทำงาน
พนักงานทุกคนมีสิทธิเสนอชื่อและเป็นผู้แทนในคณะกรรมการสวัสดิการ โดยการคัดเลือกคณะกรรมการสวัสดิการของบริษัทฯ มาจากวิธีการเลือกตั้ง ปัจจุบันมีคณะกรรมการสวัสดิการของทุกบริษัทรวมทั้งสิ้น 174 คน และมีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี โดยประธานคณะกรรมการสวัสดิการจะมีการจัดประชุมภายในคณะกรรมการเอง และประชุมร่วมกับผู้บริหารของบริษัทฯ ทุกไตรมาส ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพื่อหารือปัญหาหรือให้ข้อเสนอแนะในการจัดสวัสดิการของพนักงาน และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ พัฒนาสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ของพนักงาน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม
ผลการดำเนินงานด้านสังคมปี 2567
GRI 2-7 (2021): จำนวนพนักงานรวมทั้งหมด
GRI 405-1 (2016): ความหลากหลายของคณะกรรมการบริหารและพนักงาน
จำนวนพนักงานทั้งหมด
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Management
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Top Management
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Junior Management
จำนวนพนักงานในระดับ Management ที่มีบทบาทสร้างรายได้
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Science, Technology, Engineering, Mathematics (STEM)
ความหลากหลายของสัญชาติ
สัดส่วนจากพนักงานทั้งหมด
สัดส่วนจากตำแหน่ง Management ทั้งหมด

การพัฒนาพนักงาน
โครงการอบรมหลักสูตร “ทักษะการจัดการยุค Digital”
เป็นหลักสูตรอบรมที่เน้นทักษะทางด้านความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสังคมดิจิตอล ทักษะสำคัญแห่งโลกอนาคตและการเตรียมข้อมูลการนำเสนอ ทักษะการทำงานในสังคมดิจิตอล การวิเคราะห์ การจัดการทางอารมณ์ และความเข้าใจทางเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรเพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์ พร้อมรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
เพื่อให้พนักงานระดับหัวหน้างาน (ระดับ L4-L5) มีทักษะการทำงานเข้าสู่สังคมดิจิทัล เช่น ด้านการคิดวิเคราะห์ การบริหารจัดการอารมณ์ และความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต เป็นต้น และมีความพร้อมสำหรับการสืบทอดตำแหน่งงานสำคัญๆ ในบริษัท
ผลประโยชน์เชิงตัวเลขที่บริษัทฯ จะได้รับ
พนักงานที่ผ่านการอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% อ้างอิงตามรายงานสรุปผลการทดสอบก่อนและหลังเข้าร่วมอบรม
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
50 คน หรือคิดเป็น 6.35% จากจำนวนพนักงานระดับ L4-L5
โครงการอบรมหลักสูตร “การสร้างสรรค์เนื้อหาออนไลน์”

หลักสูตรการสร้างสรรค์เนื้อหาออนไลน์ครอบคลุมถึงความเข้าใจในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะ เฟซบุ๊ก ไลน์ ยูทูบ ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ และการใช้ผู้นำความคิดในการเผยแพร่เนื้อหาในโลกออนไลน์ เทคนิคการเล่าเรื่อง กลยุทธ์การสร้างสรรค์ที่ใช้ในการสื่อสารผ่านภาพ (Visual) และคำ (Copywriting) ศิลปะของการใช้คำ การใช้อิโมติคอน การออกแบบภาพปก การเขียนคำพาดหัวและชื่อเรื่อง และการใช้โปรแกรมเพื่อการสร้างสรรค์เนื้อหาออนไลน์สำหรับผู้ที่ไม่ใช่นักออกแบบกราฟิก
เป้าหมายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
- เพื่อให้ผู้เรียนสามารถวาดหรือถ่ายภาพประกอบเนื้อหาออนไลน์ได้
- เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเขียนเนื้อหาที่เหมาะสมกับสื่อออนไลน์ได้
ผลประโยชน์เชิงตัวเลขที่บริษัทฯ จะได้รับ
พนักงานสามารถผลิตสื่อวิดีโอการเรียนรู้ Knowledge management เพื่อใช้ภายในองค์กร จำนวน 38 ชิ้นงาน
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
40 คน หรือคิดเป็น 3.91% จากจำนวนพนักงานระดับ L4-L7

โครงการเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
โครงการด้านสุขภาพ – BMI Challenge Program

กลุ่มบริษัทศรีตรัง มีการดำเนินการจัดทำโครงการด้านสุขภาพ ภายใต้ชื่อ “BMI Challenge Program” และมีการขยายผลครอบคลุมทุกสาขาของบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อสุขภาพที่ดีและสร้างนิสัยในการออกกำลังกายให้กับพนักงานในกลุ่มศรีตรัง รวมถึงสร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีให้กับพนักงานและภาพพจน์ที่ดีต่อของกลุ่มบริษัท ซึ่งแต่ละสาขาสามารถกำหนดจัดขึ้นตามแผนของแต่ละสาขาตามความเหมาะสม
ขั้นตอนการดำเนินโครงการดังนี้
- จดบันทึกค่า BMI (Body Mass Index) เบื้องต้นของพนักงานทุกท่านก่อนเริ่มโครงการ
- จัดการอบรม ให้ความรู้แก่พนักงานในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องทางด้านสุขภาพ เช่น วิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง การดูแลโภชนาการในการทานอาหาร หรือวิธีการทำงานที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์
- จัดให้มี Morning Exercise ทุกเช้าก่อนเริ่มทำงาน
- กำหนดระยะเวลาของโครงการประมาณ 3-6 เดือน ตามความเหมาะสม เพื่อให้พนักงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- เมื่อครบกำหนดโครงการจะทำการบันทึกค่า BMI ของพนักงานทุกท่านอีกครั้ง และคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ค่าBMI ที่ลดได้ และให้รางวัลแก่พนักงานตามหลักเกณฑ์ที่แต่ะละสาขากำหนดขึ้น
โครงการมุมนมแม่เพื่อลูกน้อย

กลุ่มบริษัทศรีตรัง ดำเนินการจัดตั้ง โครงการ “มุมนมแม่เพื่อลูกน้อย” โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 เป็นต้นมา และขยายผลครอบคลุมทุกสาขา โดยมีวัตุประสงค์ของโครงการ ดังนี้
- เพื่อให้พนักงานหลังคลอดได้มีที่เก็บน้ำนมแม่ที่ถูกสุขลักษณะ
- เพื่อให้คุณแม่ได้มีจุดพักปั๊มน้ำนมที่สะดวกและสะอาด
- เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานให้กับพนักงาน